- travelaholicgf
แจกแพลนเที่ยวฮานอย-ซาปา 4วัน 3 คืน งบหลักพันกับวิวหลักล้าน

หนาวนี้ ที่เวียดนาม กินดี อยู่ดี วิวดี๊ดี
นี่เป็นการมาเที่ยวเวียดนามครั้งที่2 ของอิงแต่เป็นครั้งแรกของพี่เกน อิงเคยไปเวียดนามครั้งแรกที่ฮานอย ฮาลองเบย์ เมื่อ 9 ปีก่อน (ดูแก่ขึ้นมาทันทีตอนนั้นไปเที่ยวสมัยมัธยมใสๆ) แต่พอมาใหม่รอบนี้คือ ตกใจ เอาจริงๆมันเปลี่ยนไปเยอะมากกกก ดูเจริญขึ้นเยอะมากทั้งตึกรามบ้านช่อง ที่เที่ยว การคมนาคม แต่สิ่งที่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงคือการจราจรที่รถยนต์ รถมอไซต์ขับกันวุ่นวาย หาคิวข้ามถนนแบบเสี่ยงชีวิตเหมือนเดิม
เราว่าเวียดนามเป็นประเทศเพื่อนบ้านเราที่เจริญเติบโตไวมากประเทศนึงในอาเซียนของเราเลย ส่วนนึงด้วยการที่เค้าเริ่มเปิดประเทศ ทำให้เรารู้สึกว่าคนเวียดนามเค้าต้อนรับนักท่องเที่ยวมาก เฟรนลี่ แล้วเป็นมิตรแบบไม่ได้เขินอายชาวต่างชาติแบบคนไทยส่วนใหญ่ แต่เค้าเป็นฝ่ายเค้ามาทักทายคุยกับนักท่องเที่ยวก่อนเลยแม้ว่าอังกฤษจะได้ไม่ได้ก็อยากสื่อสารด้วย ที่เที่ยวสวยๆเยอะมีการจัดการที่ดีและดูทันสมัยอย่างของ Sun world ที่ให้ความรู้สึกเหมือนตอนเราไปสวิตเซอร์แลนด์เลย แต่ก็คงมีสถาปัตยกรรม วัฒนธรรมที่ exotic อยู่ ส่วนตัวทริปนี้เราประทับใจมากและไม่สงสัยเลยว่าทำไมนักท่องเที่ยวจำนวนมากถึงหลงเสน่ห์เวียดนามกันเยอะขนาดนี้

❄️☁️อากาศช่วงที่เราไป( เดือนธันวาคม)
ฮานอย : 15 – 25 องศา ชิวๆแต่งหนาวได้แบบสวยๆ
ซาปา : -1 – 10 องศา หนาวอิบหาย หนาวแบบต้องแต่งตัวเป็นหมีอ้วนๆ ถุงมือ หมวก พรอพหน้าหนาวมาเต็มได้เลย ครบๆ (จริงๆซาปาเป็นเมืองทางตอนเหนือที่มีอากาศเย็นตลอดทั้งปีอยู่แล้วแต่จะหนาวสุดช่วงธันวา – กุมภา บางปีมหิมะตกด้วยนะยูววว)
🚖การเดินทาง ที่เที่ยวในฮานอยส่วนใหญ่เราเดิน และใช้Grab ที่เที่ยวไม่ได้อยู่ห่างกันมาก อากาศก็ดีเลยเดินกันเพลินเลย ส่วนที่ซาปาเขาชันๆเยอะใครเดินไม่ไหวแนะนำgrabหรือเช่ามอไซต์รายวัน
📜แพลนเที่ยว Day 1 : กรุงเทพ ไป ฮานอย - Temple of Literature -One Pillar Pagoda -Ho chi minh Mausoleum -Quan Thanh Temple -เดินทางไปซาปา นอนบนรถไฟ Tran Quy Cap Station B
Day2 : ซาปา -นั่งรถตู้ต่อเข้าตัวเมืองซาปา -Café in the Clouds - Sun World Fansipan Legend -Salmon Hotpot - Night Market
Day3: ซาปา กลับฮานอย - Cat Cat Village -Sapa Stone Church -Quang Troung Square -นั่ง Shuttle Bus กลับฮานอย
Day4 : ฮานอยกลับกรุงเทพ - Tran Quoc Pagoda - Street Murals -Café Giang -Hoan Kiem Lake -กลับกรุงเทพ
ใครอยากอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม เม้ามอยฟังเราบ่นต่อกันต่อได้ใต้รูปเลยน้า
** ใครอยากเห็นค่าใช้จ่ายเราสรุปไว้ให้อยู่รูปสุดท้ายน้า หนาวนี้ถ้าใครยังไม่มีแพลนเที่ยว อยากไปหนาวๆ แต่งบไม่เยอะ ลองไปซาปานะเราแนะนำ ไว้โพสต์หน้าจะมารีวิวที่พัก ที่เที่ยว ของกินเด็ดๆของเวียดนามอีก รอติดตามกันได้เลยยยย
ปล.เขียนจบละมารู้สึกว่าเราไม่เคยแนะนำตัว5555 อิงคือผู้หญิงขี้เที่ยวในรูป ส่วนพี่เกนคือผู้ชายที่เป็นคนเปิดเพจนี้ คนถ่ายรูปและคนเขียนซะส่วนใหญ่ โพสต์นี้เราเขียนยาวๆโพสต์แรกเลย มีไรสอบถาม แนะนำกันได้ฮะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยฮ้าบบ
#TravelaholicGirlfriend #แฟนขี้เที่ยว #ที่เที่ยวเวียดนาม #รีวิวเวียดนาม #ซาปา #ฮานอย

ทริปนี้เราบินตรงดอนเมืองไปฮานอยตั๋วรอบเช้า ถึงปุ๊ปเที่ยวต่อได้เลย เวลาที่เวียดนามกับไทยเท่ากัน ไม่มี jetlag มีแต่ง่วงจ้า
พอถึงสนามบินฮานอย ก็ซื้อซิมแลกเงินที่สนามบินเลย 4วัน แลกมา 4,000 บาทก็ได้เกือบ3ล้านดองแล้ววว รวยมาก ถือเงินล้านอะแกรรรร ที่นี่บางร้านเค้าก็รับเงินไทยนะ แต่แนะนำให้แลกไปเผื่อดีกว่า (แต่นี่เป็นกรณีที่เรา2คนจองตั๋วจองโรงแรมทุกอย่างมาล่วงหน้าแล้วน้า)
ก่อนเข้าแพลนเที่ยว ถ้าใครมาถึงไฟลท์เช้าเหมือนกับเราแล้วไม่อยากแบกกระเป๋าเที่ยว ก็สามารถไปฝากกระเป๋าได้ตามล็อกเกอร์ที่สถานีรถไฟคิดเรทเป็นแบบเหมาชั่วโมงหรือจะไปฝากตามคาเฟ่หรือโรงแรมที่ใกล้กับสถานีรถไฟแล้วจ่ายเงินก็ได้เลยสะดวกเหมือนกัน
อย่างทริปนี้เราอยู่ฮานอยถึง3ทุ่มแล้วต้องนั่งรถไฟไปซาปา เลยฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมใกล้สถานีรถไฟ จะได้นอนพัก อาบน้ำสระผมก่อนไปนอนบนรถไฟด้วย โรงแรมราคา300-600บาท จองผ่านAgoda หรือจะไปจ่ายเอาหน้าโรงแรมก็ได้ หารสองก็คุ้มอยู่สำหรับคนเสพติดการอาบน้ำรายวันแบบเรา
มาฮะเข้าแพลนเที่ยว 321!

มาถึงวัดแรก Temple of Literature
กว้างขวางเดินเพลินๆร่มรื่นทัวร์ลงเยอะอยู่
สมัยก่อนเป็นวัดและแหล่งศึกษาหาความรู้ชั้นสูงของลูกกษัรติย์ ขุนนาง เพื่อเอาความรู้มาพัฒนาประเทศ
ใครที่สอบจอหงวนผ่าน จะมีการสลักชื่อให้ที่เสา (รูปเสาคือที่พี่เกนยืนอยู่)
สาระสุดๆแม้ไปกันเองแบบไม่มีไกด์เพราะเราได้ยินไกด์แถวนั้นบรรยาย55555555
เดินมาต่อที่ One Pillar Pagodaหรือวัดเจดีย์เสาเดียว เป็นสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น เค้าว่ามีอายุมา400กว่าปีมีความเชื่อว่าเรื่องความศักสิทธิ์เรื่องขอลูก ใครอยากมีลูกมาลองขอกันได้เลยยย


อีกหนึ่งแลนด์มาร์ค สุสาน Ho Chi Minh
สุสานของอดีตผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของเวียดนาม หรือที่เค้าเรียกกันว่า ลุงโฮ
ที่นี่ค่อนข้างเข้มงวดเลย ใครจะมาต้องแต่งตัวสุภาพ ห้ามใส่ขาสั้น กระโปรงสั้น ห้ามถ่ายรูป ถ่ายวิดิโอ ห้ามพกกระเป๋าใหญ่ ห้ามพกไฟแช็ก ห้ามสูบบุหรี่ ตอนเราเดินเข้าไปเห็นตรงจุดตรวจไฟแช็กที่โดนริบกองเป็นตระกร้าเลยจ้า
ดูภายนอกที่นี่หน้าตาไม่เหมือนสุสาน ได้รับแรงบันดาลใจการออกแบบมาจากสุสานของเลนิน

Quan Thanh Temple วัดนึงที่เก่าแก่อันดับต้นๆของฮานอย
เงียบสงบถ่ายรูปง่ายมากจ้าวัดนี้ ไม่มีทัวร์ลง อยู่ริมทะเลสาบเลย ทำเลดี เค้าว่าป็นที่ประดิษฐานของเทพเตริ่นหวู ที่จะช่วยปกป้องภัย และช่วยปัดเป่าสิ่งที่ไม่ดีออกไป ใครจะชงจะซวยมาขอพรวัดนี้เลยฮะ


ตอนแรกว่าจะเดินเที่ยวจนดึก ปรากฎที่เที่ยวที่นี่เค้าปิดกัน5โมงจ้า จบที่ไปหาอะไรกินแล้วกลับมาอาบน้ำสระผม พักผ่อนและเตรียมตัวไปนอนรถไฟไปซาปา จริงๆการเดินทางไปซาปามีหลายแบบทั้งรถไฟ รถตู้ รถทัวร์แบบนอน ยันลีมูซีน แต่เราว่ารถไฟเป็นอะไรที่ดูมีเสน่ห์ น่าสนใจ เปิดประสบการณ์ใหมา ที่สำคัญ มันหน้าตาคล้ายรถไฟไป Hogwats เลยแกรรรรรรรรร (ใช่ค่ะชั้นเป็นติ่งแฮรี่ที่มโนว่าตัวเองได้รับจดหมายและกำลังเดินทางไป Hogwats) นี่เป็นการนอนบนรถไฟครั้งแรกของอิง ส่วนพี่เกนเคยนอนเวลาขึ้นค่ายบ่อยๆ เตียงมีความแคบพอดีตัว มีน้ำ ขนมแปรงสีฟันยาสีฟัน ปลั๊กให้ชาตแบตคนละอันที่หัวเตียง เราได้นอนกับฝรั่งจากสเปนอีกสองคนก็สนุกดี คุยกันเพลินๆ เพราะนี่นอนไม่หลับจ้าตอนแรก รถมันโยกเยกโครงเครงยังไม่ชิน หัวกระเด้งจากหมอนเป็นระยะ สุดท้ายก็หลับเพราะเพลียจัด รถไฟไปซาปาสามารถไซื้อตั๋วได้ที่สถานีรถไฟหรือจองล่วงหน้าได้ เราจองผ่าน Klook ได้ราคา 910 บาท ออกจากฮานอย 4 ทุ่ม ถึงซาปา 6 โมงเช้า ส่วนตัวนี่ว่าคุ้มค่าอยู่อาจถึงจะเดินทางนานกว่าอย่างอื่นหน่อยแต่ก็ได้บรรยากาศ (และได้ฟีลไปHogwats 555555)

ถึงสถานีซาปาแล้วต้องนั่งรถเข้า city center อีก 45 นาที บริการรถให้เราเลือกเลยทันทีที่ถึงสถานีซาปา จะมีคนมาจู่โจมเรียกไปรถจำนวนมาก การเดินทางเข้าเมืองทางเป็นเขาชัน รู้สึกถึงระดับออกซิเจนต่ำลง หูอื้อ และมีคนอ้วกในรถ ฮืออออ นี่เลยข่มตาหลับหนีกลิ่นอ้วก
มาถึงปุปเราไปฝากกระเป๋าที่โรงแรม หาข้าวกิน แพลนแรกคือจะขึ้นไปฟานซิปานหมอกหนานักมากกกก เลยกะว่ารอให้มันดูจางลงหน่อย ไม่งั้นก็ไม่เห็นอะไร
ใครหาที่ฆ่าเวลาวิวดีๆ แนะนำที่ Cafe in the Cloud เลยเครื่องดื่มร้อนๆให้ร่างกายอุ่นขึ้นหน่อย วิวสวยสบายตา เห็นเขาที่รายล้อมด้วยเมฆสมชื่อ Cafe in the cloud

พอฟ้าเริ่มสว่างขึ้นหน่อยก็เริ่มเดินทางไปฟานซิกานกันเลย
ใครที่ไ่ได้จองตั๋วมาหาซื้อตั๋วได้ง่ายๆที่อาคาร Sun plaza ตึกเหลืองเด่นใจกลางเมืองเลยฮะ มีหลายรอบ แล้วแต่ว่าเราจะเลือกเดินทางด้วยอะไรบ้าง หรือจะเดิน ถ้าซื้อครบแพ็คเกจก็คือนั่งรถไฟ ต่อ กระเช้า ต่อรถราง เราจองผ่านKlookล่วงหน้าไปก่อนเหมือนเดิม ( เป็นลูกค้าประจำขนาดนี้ สปอนต้องเข้าละปะแม่)
ราคาตกที่คนละ 1,041 บาท ถ้าเอาครบทั้งสามอย่างนะ แต่ถ้าใครอยากแค่ขึ้นกระเช้าแล้วเดินต่อก็ถูกลงไปจ้า ส่วนเราคือจะเดินเยอะแค่ไหนก็ได้ แต่จะให้เดินขึ้นเขาบนอากาศเกือบติดลบ หนูทำใจไม่ด้ายยยยย ร่างกายยังต้องสู้ววววว
ด่านแรกเราขึ้นรถไฟค่ะ แกรรรรรรรร ดูๆๆๆ มันสวยงามอลังการเหมือนของสวิตเซอร์แลนด์เลยยย เดี๋ยวแนบรูปของสวิตตอนไปจุงเฟาให้ดู โครตคล้ายกัน เราชอบมาก สะอาดสะอ้าน มีการจัดการที่มีระบบ อยากให้ที่เที่ยวในไทยได้รับการจัดการที่ดีแบบนี้บ้าง


ออกจากรถไฟด่านแรกก็จะมีทั้งวัด หอนาฬิกา ตลาดขายของแบบ Winter market ให้เดินเล่น เราไปกันช่วง Festive แบบนี้ก็จะมีแต่งธีมคริสมาสต์ เปิดเพลงคริสมาสต์ น่าร้ากกกกก บรรยากาศน่ารักหรอ เปล่าคู่เราเนี่ยยย

ออกจากรถไฟด่านแรกก็จะมีทั้งวัด หอนาฬิกา ตลาดขายของแบบ Winter market ให้เดินเล่น เราไปกันช่วง Festive แบบนี้ก็จะมีแต่งธีมคริสมาสต์ เปิดเพลงคริสมาสต์ น่าร้ากกกกก บรรยากาศน่ารักหรอ เปล่าคู่เราเนี่ยยย
เดินเที่ยวที่แรกเสร็จเดินทางกันต่อ เราขึ้นกระเช้าไปกันอีกประมาน 20 นาที แกรรรรรรรร มันคือที่สุดดดด คือสูงมากกกกกกก
โมเม้นท์ที่มันสูงขึ้นเรื่อยๆจนมองไม่เห็นวิวอะไรแล้ว เห็นแต่เมฆหมอกสีขาวไปหมดคือตื่นเต้น บางคนอาจจะกลัวเพราะมันเหมือน in the middle of nowhere มาก อยู่ที่ไหนไม่รู้ จะมีอะไรพุ่งเข้ามามั้ยก็ไม่รู้ แต่พอกระเช้าโผล่ขึ้นทะเลเมฆคือฟินมากกกกกกก เหมือนอยู่เหนือเมฆ จำได้ว่าเราพูดขึ้นมาว่า นี่เราตายแล้วรึเปล่า เรารู้สึกเหมือนอยู่บนสวรรค์เลย 55555555 (ซึ่งไม่เคยเห็นสวรรค์ ความจริงชั้นน่าจะตกนรก) แล้วเริ่มเห็นเทือกเขากับวิวบนฟานซิปาน คือดีงาม ค่ากระเช้าหลักร้อยวิวหลักล้านมากๆๆๆๆๆ

เนี่ยยยยยยยย เหมือนสวิตเซอร์แลนด์อีกแล้วววว ตอนลงรูปในเฟสส่วนตัวมีคนทักว่าไปสวิต55555 เปล่านะจ๊ะน้องมาซาปา ใครอยากได้ฟีลสวิต แบบ on budget ก็ได้อยู่เด้อออ


นี่คือจุดแรกที่เราเห็นหลังลงจากกระเช้า กับลมหนาว 1 องศา หนาวกว่าข้างล่างและลมแรงมากแม่ เห็นุมขวาล่างปะ นั่นคือกระเช้าที่เราขึ้นมาค่ะซิสสส สีขาวคือเหล่าเมฆหมอก

ให้ความอบอุ่นกันซะหน่อย เหมือนหมีกอดกันอะ จริงๆทุกคนหุ่นดี แต่เสื้อผ้าเป็นหมีก็เท่านั้นนนน นี่ใส่กัน 3-4 ชั้นก็ยังหนาวอยู่


เดินชมด่านแรกกันเสร็จก็มีให้ขึ้นไปอีกกกก ใครจะเดินขึ้นก็ได้จ้าแต่เรานั่งรถรางไต่หมอกเมฆขึ้นไปคือยิ่งสูงเมฆหมอกยิ่งหนาขึ้น ใครจะมาต้องอาศัยแต้มบุญอยู่นะ บางคนขึ้นมาแล้วเห็นแต่เมฆหมอกขาวๆ มองไปไม่เห็นอะไรเลยก็มี จองเราก็ถือว่าหมอกหนาอยู่ ต้องนั่งรอลมพักให้เมฆเคลื่อนที่แล้วรีบถ่ายรูป 5555

ใครจิไม่ขึ้นรถรางก็เชิญเดินกันทางนี้เลยค่า ได้ฟิตกล้ามขาท้าลมหนาวแน่ๆยังมีบันไดต่อจากพระยูไลนะฮะ ไม่ใช่สั้นๆแค่นี้เด้อออ
แกรรรรรร ยิ่งสูงยิ่งเมฆหมอกหนาาา ขึ้นมาแทบไม่เห็นวัด อยากจะถ่ายวิวสวยๆชัดๆ นี่เลย เอาวะ ลองพึ่งสายบุญดูหน่อย หันไปขอพรพระยูไลบอกว่าขอช่วยพัดเป่าเมฆหมอกไปช่วยให้ลูกได้ถ่ายรูปสวยๆหน่อยเจ้าค่ะ สักปั๊ปเท่านั้นแหละ! รูปล่างเลยค่ะ ชั้นได้ถ่ายกับพระยูไลจางๆกับเมฆหมอกที่หนาขึ้นกว่าเดิม TT

มาถึงขาลง ขาลงกระเช้าค้างค่าาาาาา อุแงงงงงงง จาก 20 นาที เป็นเกือบ 40 นาที ตอนแรกก็ว่าเออทำไมมันวิ่งลงนิ่งจัง ด้วยความอยู่ท่ามกลางเมฆหมอกสีขาวก็ไม่ค่อรู้ว่ามันเคลื่อนที่เปล่า สักพักอ่อออ มันค้าง! ดื่มด้ำวิวเมฆหมอกจนฟินเลยมั้ยละแกรรรร น้องชอบให้มันเคลื่อนที่ ไม่ได้ชอบให้ มันอยู่นิ่งๆจ้าาาาาา สักพักเค้าคงซ่อมเสร็จแล้ว เราก็ลงมาโดยสวัสดิภาพ
มาถึงซาปาเค้าว่าแซลม่อนที่นี่เด็ดมากกก มาเลยค่า อากาศหนาวๆจัดแซลมอนHotpot ไปเลยยย อร่อยอิ่มม ได้เยอะมากกก


วันที่สองที่ซาปา ตื่นเช้ามาเราไปลุย Cat Cat Village อ่านว่า กั๊ตกั๊ต นี่ตอนอ่านครั้งแรกเข้าใจว่าหมู่บ้านแมว อรั้ยยย เหมือนที่ไต้หวันงี้ เปล่าจ้า เป็นหมู่บ้านชนเผ่าชาวเขาที่นู่น คล้ายม้งภาคเหนือ มีขายของฝากของกิน เครื่องเล่นชิงช้า น้ำตก ให้เดินเพลินๆ กิมมิคือร้านเช่าชุดเวียดนามชนเผ่าต่าๆที่ยาวเรียงรายไปตลอดทาง ก็เลย อะได้ ลองแปลงโฉมซะหน่อย ค่าเช่าถูกมาก 50 บาทเอง เค้ามาช่วยแต่งตัวทำผมให้ด้วย

แกรรรร อาการ 6 องศา ชุดไม่ได้ให้ความอบอุ่นแต่สวยยย 555555
แต่พอเดินเยอะๆขึ้นเขาลงเขาอ่าวเหงื่อออกซะงั้น สบายเลย
อวดรูปค่า ถ่ายมาเป็นร้อยรูปเฉย55555 ชุดเวียดนามแต่เราใส่มาละเค้าบอกว่าเหมือนหมู่หลาน เราก็ดีใจจจจจ
บรรยากาศในหมู่บ้านก็เดินเพลินเลย ร่มรื่น ถ้ามาหน้าฝนจะเห็นคันนาเขียวชอุ่มก็สวยไปอีกน้า



ออกจากCat Cat Village แล้วก็เข้าเมืองมโซน City Center เดินถ่ายรูปกับโบสถ์เก่ากลางเมือง
และอีกหนึ่งแลนด์มาร์กจกลางเมือง Sun Plaza ตึกเหลืองเด่น ถ่ายรูปขึ้นมาก


ขากลับต้องทำเวลาหน่อยเลยเลือกเดินทางกลับด้วย Shuttle Bus แบบนั่งเอนได้เยอะ เพราะใช้เลาประมาน 6 ชม ก็คงฮานอยดึกหน่อย ไม่ทันถ่ายูปภายในรถแต่ก็โอเคอยู่น้า นอนสบายที่วางขากว้าง มีแวะจอดใช้เข้าห้องน้ำซื้ออาหาร 2 รอบ
มาถึงวันสุดท้ายที่ฮานอย หลังกินข้าวเช้าที่โรงแรมเสร็จ เราไป Tran Quoc Pagoda อยู่ติดทะเลสาบเลยถ่ายรูปขึ้นมาก แต่คำเตือนคือเหมือนเค้าจะมีพักกลางวันถ้ามาช่วงเที่ยงจะไม่ได้เข้าไปข้างในเหมือนพวกเรา T T

ไปต่อกันที่ร้านกาแฟไข่เจ้าดัง ดังจริงจังคนเต็มร้านมากกกกทุกคนมาเพื่อเมนูเดียวคือ Egg Coffee หรือกาแฟไข่ เมนูเด็ด ต้องร้านนี้เลย Cafe Giang ร้านเก่าแก่ชื่อดัง

จัดมาค่ะ Egg Coffee แม้ฟังดูไม่ค่อยเข้ากัน แบบอีหยังวะของคาวของหวานจะรสชาติแย่มั้ย แกรรรรรร มันอร่อยมากกกก กลมกล่อม หวานมัน มีความเข้ากันอย่างบอกไม่ถูก ครีมๆนมๆ ทีรามิซุนิดๆ คือดีงามมมมม อยากให้ไปลอง โต๊ะข้างๆเป็นฝรั่งมากันเป็นครอบครัวสั่งเบิ้ลันคนละ 2-3 ถ้วย 555555 บรรยากาศร้านก็เรียบง่าย ชาวต่างชาติเยอะ เราก็ได้ไปนั่งเม้ามอยจอยๆกัเค้า แชร์ที่เที่ยวเวียดนามกัน สนุกสนาน ที่สำคัญราคาถือว่าถูกมาก เหมือนจะแค่ 25,000 ดองเอง หรือ ประมาณ 30 บาทเท่านั้น

อีกที่ถ่ยรูปสวยๆที่สาย Street น่าจะชอบคือ Street Murals เป็นกำแพงยาวเพ้นท์ภาพาสวยๆัความเป็นเวียดนามยุคเก่า ให้มาโพสต์ท่าถ่ายรูปเพลินๆตลอดทาง

เดินมาจนเย็น Hoan Kiem Lake มาถ่ายภาพกับสะพานแดงตอนกลางคือก็ได้ฟีลสวยงามไปอีกแบบ


ส่วนที่พักเวียดนามจริงๆราคาไม่แพงและดูดีเลยยย เรทราคาปกติอยู่ที่ 500 กว่าก็ได้ห้องที่ดูดี Facility ครบ อย่างที่ซาปาห้องเราวิวสวยมากกก ก็คือ 500 กว่าเอง ส่วนที่ฮานอยเราพัก Pullman ใจกลางเมืองมีบุฟเฟ่ดีงามากกกก ไว้จะมารีวิวแยกให้น้าาาาา

อีกจุดถ่ายรูปสวยๆคือมุมต่างๆริมแม่น้ำของฮานอยก็บรรยากาศดีมากๆเดินถ่ายรูปได้เรื่อยๆเพลินๆ

จบแพลนเที่ยวซาปา ฮานอยแล้ววว ไว้จะมารีวิวแยกแบบละเอียดให้น้าอย่างเรื่องการนอนรถไฟ หรือโรงแรมที่พัก ไว้ตามอ่านได้เลย:) ส่วนนี้คือรายการสรุปค่าใช้จ่ายทริปนี้จ้า

โพสต์นี้จบแล้วววว ไว้เจอกันใหม่ทริปหน้าน้า
